วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ข้อดี หรือ ประโยชน์ ของ GMOs (Advantages of GMOs)


มะเขือเทศ GMOs
ประโยชน์ทางด้านการเกษตร
- ทำให้เกิดพืชที่ให้ผลผลิตมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ผลมีขนาดใหญ่ขึ้น (เช่น มะเขือเทศมีผลขนาดใหญ่ขึ้น), ผลมีปริมาณมากขึ้น (เช่น ปริมาณเมล็ดข้าวต่อต้นมากขึ้น), ผลมีน้ำหนักมากขึ้น (เช่น มะละกอที่มีน้ำหนักมากกว่ามะละกอปกติทั่วไป)
- ทำให้เกิดพืชที่มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อม โดย ทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกหรือเจริญเติบโตของพืช ตัวอย่างเช่น พืชที่ทนแล้ง (เช่น ข้าวทนแล้ง), พืชที่ทนต่อดินเค็ม (เช่น ข้าวทนดินเค็ม), พืชที่ทนต่อดินเปรี้ยว เป็นต้น
- ทำให้เกิดพืชที่ทนต่อศัตรูพืช เช่น พืชที่ทนต่อเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคพืช พืชที่ทนต่อเชื้อราที่ก่อให้เกิดโรคพืช พืชที่ทนต่อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคพืช ทนต่อแมลงศัตรูพืช หรือแม้แต่ทนต่อยาฆ่าแมลง และทนต่อยาปราบวัชพืช
- เมื่อทำให้พืชลดการใช้สารเคมี พิษจากสารเคมีที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อเกษตรกรก็ลดลง
- ทำให้เกิดพืชที่มีผลผลิตที่สามารถเก็บรักษาเป็นเวลานาน และอยู่ได้นาน ทำให้ขั้นตอนในการขนส่งสามารถขนส่งในระยะไกลโดยไม่เน่าหรือเสีย เช่น มะเขือเทศที่ถูกทำให้สุกช้า หรือถึงแม้จะสุกแต่ก็ไม่งอม เนื้อยังแข็งและกรอบ ไม่เละเมื่อไปถึงมือผู้บริโภค
ประโยชน์ต่อผู้บริโภค
- ทำให้เกิด พืช ผัก ผลไม้ มีคุณค่าทางโภชนาการเพิ่มมากขึ้น เช่น ทำให้มะเขือเทศมีวิตามินอีมากขึ้น ทำให้ส้มหรือมะนาวที่มีวิตามินซีเพิ่มมากขึ้น ทำให้กล้วยมีวิตามินเอเพิ่มขึ้น เป็นต้น
- ทำให้ลดการขาดแคลนอาหารได้ เนื่องจากการปรับปรุงพันธุ์ให้มีผลผลิตและความต้านทานต่างๆมากขึ้น ทำให้มีผลผลิตที่เพิ่มมากขึ้น ตอบสนองต่อความต้องอาหารที่เพิ่มมากขึ้น
ประโยชน์ด้านการพาณิชย์
- ลดขั้นตอนและระยะเวลาของการผสมพันธุ์พืช ซึ่งหากช่วงชีวิตของพืชที่ต้องการปรับปรุงพันธุ์ด้วยวิธีเดิมยาวนานกว่าจะได้ผล และต้องทำการคัดเลือกพันธุ์อยู่หลายครั้ง การทำ GMOsทำให้ขั้นตอนนี้เร็วและแม่นยำยิ่งขึ้นกว่าเดิมมาก
- ทำให้เกิดพืชพันธุ์ใหม่ๆ ที่มีประโยชน์ในการพาณิชย์ เช่น ดอกไม้หรือพวกไม้ประดับที่มีรูปร่างแปลกกว่าเดิม มีขนาดใหญ่กว่าเดิม สีสันแปลกไปจากเดิม (เช่น กุหลาบสีน้ำเงิน) หรือมีความคงทนกว่าเดิม
ประโยชน์ต่อด้านการอุตสาหกรรม
- หากทำพืช GMOs ให้สามารถลดการใช้สารเคมี และช่วยให้มีผลผลิตมากขึ้นกว่าเดิม  ทำให้ต้นทุนการผลิตลดต่ำลงและเวลาที่ใช้ก็ลดลงด้วย วัตถุดิบที่ได้มาจากภาคการเกษตร เช่น ซังข้าวโพด แกลบ กากถั่วเหลือง อาหารสัตว์ จึงมีราคาถูกลง
- มี GMOs หลายชนิดที่ไม่ใช่พืช ที่ใช้กันอยู่ในอุตสาหกรรมอาหาร เช่น เอนไซม์ที่ใช้ในการผลิตน้ำผักผลไม้ หรือ เอนไซม์ ไคโมซิน (Chymosin) ที่ใช้ในการผลิตเนยแข็งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จาก GMOs และทำมาเป็นเวลานานแล้ว ทำให้ลดทั้งต้นทุนการผลิตและเวลาที่ต้องใช้ลง
ประโยชน์ต่อด้านการแพทย์
- การผลิตวัคซีน หรือยาชนิดต่างๆ ในอุตสาหกรรมยาปัจจุบันนี้ล้วนแล้วแต่ใช้ GMOs ช่วยแทบทั้งสิ้น อีกไม่นานนี้ เราอาจมีน้ำนมวัวที่มีส่วนประกอบของฮอร์โมนหรือตัวยาที่จำเป็นต่อมนุษย์
- ช่วยลดการขาดแคลนยาหรือวัคซีนได้มากขึ้น เพราะ GMOs สามารถช่วยเพิ่มการผลิตสิ่งเหล่านี้ให้เพิ่มขึ้นได้
ประโยชน์ต่อด้านสิ่งแวดล้อม
- หากทำพืช GMOs ให้สามารถป้องกันศัตรูพืชได้เอง จำนวนการใช้สารเคมีชนิดต่างๆเพื่อการปราบศัตรูพืชก็จะลดน้อยลงจนอาจถึงไม่ต้องใช้เลยก็ได้ ทำให้มลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากสารเคมีลดลง
- ก่อให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพมากขึ้น เนื่องจากยีนที่มีการแสดงออกที่มีประโยชน์ถูกเลือกให้รับโอกาสในการแสดงออกในสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิดมากขึ้น

แหล่งที่มา : http://www.thaibiotech.info/advantages-of-gmos.php

ข้อเสีย หรือ ผลเสีย ของ GMOs (Disadvantages of GMOs)


พืช GMOs
ปัญหาด้านของความเสี่ยงต่อผู้บริโภค
- ปัญหาเรื่อง อาจมีสิ่งอื่นเจือปนที่ทำให้เกิดอันตรายจากสารอาหารที่ได้จากจีเอ็มโอ(GMOs) ได้ เช่น เคยมีข่าวว่า คนในสหรัฐอเมริกาเกิดการล้มป่วยและเสียชีวิตเกิดขึ้น ซึ่งมีสาเหตุมาจากการบริโภค กรดอะมิโน L-Tryptophan ซึ่งเป็นสารอาหารที่ได้จากจีเอ็มโอ(GMOs)โดยเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัท Showa Denko แต่ความจริงแล้วจีเอ็มโอ(GMOs) ไม่ได้เป็นสาเหตุของอันตราย แต่เกิดจากความผิดพลาดในกระบวนการหลังการทำให้บริสุทธิ์ของผลิตภัณฑ์ โดยในขั้นของการควบคุมคุณภาพ (Quality Control) มีความบกพร่องจนมีสิ่งเจือปนที่ไม่ต้องการเหลืออยู่

- ปัญหาเรื่อง จีเอ็มโอ(GMOs)อาจเป็นพาหะของสารที่เป็นอันตรายได้ อย่างในการทดลองของ Dr.Pusztai ได้ทำการทดลองให้หนูกินมันฝรั่งดิบที่มีสารเลคติน(lectin)เจือปนอยู่ แล้วผลออกมาว่าหนูมีภูมิคุ้มกันลดลง รวมถึงลำไส้ของหนูมีลักษณะบวมอย่างผิดปกติ นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากวิจารณ์การทดลองนี้ว่า มีความบกพร่องในการออกแบบการทดลองรวมถึงในวิธีการทดลอง ซึ่งเชื่อว่าต่อไปจะมีการทดลองที่รัดกุมมากขึ้น และมีคนกังวลว่าดีเอ็นเอ (DNA) จากไวรัสที่ใช้ในการทำจีเอ็มโอ(GMOs) อาจเป็นอันตรายได้
- ปัญหาเรื่อง อาจมีสารบางอย่างจากจีเอ็มโอ(GMOs) มีไม่เท่ากับปริมาณสารปกติในธรรมชาติ (สารที่ไม่ได้เกิดจากการตัดต่อพันธุกรรมแล้วใส่ยีน(gene)ที่จะผลิตสารนั้นโดยตรงลงไป) อย่างมีรายงานว่าถั่วเหลืองที่เกิดจากการตัดต่อพันธุกรรมมีสาร isoflavone {เป็นสารจำพวก phytoestrogen [ซึ่งคล้ายสารจำพวกฮอร์โมนเอสโตรเจน(estrogen)ในคน]} มากกว่าถั่วเหลืองในธรรมชาติเล็กน้อย ซึ่งยังไม่แน่ใจว่า การเพิ่มขึ้นของฮอร์โมน estrogen อาจทำให้เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค จีเอ็มโอ(GMOs) หรือเปล่า โดยเฉพาะในเด็กทารก
- ปัญหาเรื่อง อาจการเกิดสารภูมิแพ้(allergen)ซึ่งอาจได้มาจากสิ่งมีชีวิตที่เป็นแหล่งเดิมของยีน(gene)ที่นำมาใช้ทำจีเอ็มโอ(GMOs)นั้น อย่างการใช้ยีน(gene)จากถั่ว Brazil nut มาทำจีเอ็มโอ(GMOs)เพื่อเพิ่มคุณค่าของโปรตีนในถั่วเหลืองให้มากขึ้นสำหรับเป็นอาหารสัตว์ ก่อนที่จะออกจำหน่ายพบว่าจีเอ็มโอ(GMOs)ที่เป็นถั่วเหลืองชนิดนี้อาจทำให้คนกลุ่มหนึ่งเกิดอาการแพ้ได้ เนื่องจากได้รับโปรตีนที่เป็นสารภูมิแพ้จากถั่ว Brazil nut ทางบริษัทจึงได้ระงับการพัฒนาและการจำหน่ายจีเอ็มโอ(GMOs)ชนิดนี้ แต่ถึงอย่างนั้นพืชจีเอ็มโอ(GMOs)ชนิดอื่นๆ ที่มีจำหน่ายอยู่ทั่วโลกในขณะนี้ อย่างพวก ถั่วเหลืองและข้าวโพดนั้น ได้มีการประเมินแล้วว่า มีอัตราความเสี่ยงไม่แตกต่างจากถั่วเหลืองและข้าวโพดที่ปลูกอยู่ทั่วไปในธรรมชาติ
- ปัญหาเรื่อง ความปลอดภัยต่อผู้บริโภคในการตัดต่อพันธุกรรมในสัตว์ อย่างใน วัว หมู ไก่ รวมถึงสัตว์ชนิดอื่นที่จะได้รับ recombinant growth hormone ทำให้อาจมีคุณภาพที่ไม่เหมือนจากในธรรมชาติ และอาจมีสารตกค้าง โดยไม่มีข้อยืนยันชัดเจนในเรื่องนี้ ซึ่งในระบบสรีระวิทยาของสัตว์นั้นมีความซับซ้อนมากกว่าทั้งของในพืชและจุลินทรีย์ อาจมีผลกระทบอื่นๆ ที่ไม่คาดคิดได้จากการตัดต่อพันธุกรรมในสัตว์ ซึ่งอาจมีสารพิษอื่นๆที่ไม่ต้องการตกค้างได้ ทำให้ในการตัดต่อพันธุกรรมในสัตว์ที่เป็นอาหารโดยตรง ต้องมีการพิจารณาของขั้นตอนในการประเมินในด้านความปลอดภัยที่ครอบคลุมมากกว่าการตัดต่อพันธุกรรมในจุลินทรีย์และพืช
- ปัญหาเรื่อง การดื้อยาในการทำจีเอ็มโอ(GMOs)จะใช้ selectable marker ที่มักเป็นยีน(gene)ที่สร้างสารต้านยาปฏิชีวนะ (antibiotic resistance) ในจีเอ็มโอ(GMOs)อาจมีสารต้านยาปฏิชีวนะอยู่ ซึ่งถ้าผู้บริโภคจีเอ็มโอ(GMOs)กำลังอยู่ระหว่างการใช้ยาปฏิชีวนะ อาจทำให้การรักษาไม่ได้ผล โดยเรื่องนี้นักวิทยาศาสตร์บอกว่าโอกาสที่จะเกิดขึ้นมีน้อยและสามารถหลีกเลี่ยงหรือแก้ไขได้ และถ้าหากเชื้อจุลินทรีย์ที่มีตามปกติในร่างกายเกิดได้รับ marker gene เข้าไปในส่วนดีเอ็นเอ(DNA)ของมัน อาจทำให้เกิดจุลินทรีย์สายพันธุ์ใหม่ที่อาจดื้อยาปฏิชีวนะได้ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์บอกว่ามีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก แต่ในตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ก็ได้คิดหาวิธีใหม่ที่ไม่ต้องใช้ selectable marker ที่เป็นสารต้านยาปฏิชีวนะ หรือนำยีน(gene)ในส่วนที่สร้างสารต้านปฏิชีวนะออกไปก่อนเป็นจีเอ็มโอ(GMOs)เป็นผลิตภัณฑ์เต็มตัว
- ปัญหาเรื่อง อาจมีส่วนของยีน(gene)จำพวก 35S promoter และ NOS terminator ที่อาจมีอยู่ในเซลล์ของจีเอ็มโอ(GMOs)ซึ่งอาจจะไม่ถูกย่อยในส่วนของกระเพาะอาหารและส่วนของลำไส้ แล้วเข้าสู่เซลล์ปกติของคนที่รับประทานจีเอ็มโอ(GMOs)เข้าไป แล้วอาจทำให้มีการ active ของสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น มีผลอาจทำให้ยีน(gene)ของคนที่รับประทานเข้าไปเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ แต่จากผลการทดลองที่ผ่านๆมาได้มีการยืนยันว่า มีโอกาสเป็นไปได้น้อยมาก
- ปัญหาเรื่อง บางสิ่งเล็กน้อยที่ต้องระวัง เช่น เด็กทารกซึ่งอาจย่อยดีเอ็นเอ(DNA)ในอาหารได้ไม่สมบูรณ์หากเทียบกับผู้ใหญ่ เนื่องจากเด็กทารกมีระบบทางเดินอาหารที่สั้นกว่าของผู้ใหญ่ แต่อาจทำให้เกิดอันตรายค่อนข้างต่ำ แต่ก็ต้องทำการศึกษาวิจัยต่อไป
ปัญหาด้านของความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อม
- ปัญหาเรื่อง สารพิษบางชนิดที่ใช้ปราบแมลงศัตรูพืช อาจกระทบถึงแมลงและสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆที่มีประโยชน์ต่อพืช เช่น Bt toxin ที่มักใส่ในจีเอ็มโอ(GMOs) อย่างผลการทดลองของ Losey มหาวิทยาลัย Cornell ได้ศึกษาผลกระทบของสารฆ่าแมลงของเชื้อ Bacillus thuringiensis (บีที) ในข้าวโพดตัดต่อพันธุกรรมที่มีต่อผีเสื้อ Monarch ในการทดลองนี้ทำในสถานที่ทดลองภายใต้สภาวะเงื่อนไขที่ Stress โดยให้ผลเพียงในขั้นต้นเท่านั้น ซึ่งต้องมีการทดลองในภาคสนามอีกเพื่อให้ได้ผลที่มีนัยสำคัญ ก่อนที่จะมีการสรุปผลและมีการนำไปขยายความต่อไป
- ปัญหาในเรื่อง การนำจีเอ็มโอ(GMOs)ออกสู่สิ่งแวดล้อมทั่วไป โดยอาจมีผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งอาจทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ที่มีลักษณะเด่นเหนือกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมในธรรมชาติมากจนกลืนสายพันธุ์ดั้งเดิมในธรรมชาติให้หายไปหรือสูญพันธุ์ไป หรืออาจเกิดลักษณะเด่นอะไรบางอย่างถูกถ่ายทอดไปยังสายพันธุ์ที่ไม่ต้องการ หรืออาจทำให้ศัตรูพืชดื้อต่อสารเคมีปราบศัตรูพืช อาจทำให้เกิด “สุดยอดแมลง(super bug)” หรือ “สุดยอดวัชพืช(super weed)”ได้
ปัญหาด้านของเศรษฐกิจและสังคม
- ปัญหาในเรื่องอื่น ที่ไม่ใช่เรื่องวิทยาศาสตร์ เช่น การผูกขาดทางสินค้าจีเอ็มโอ(GMOs)ของบริษัทเอกชนที่จดสิทธิบัตรเกี่ยวกับจีเอ็มโอ(GMOs)นั้น ทำให้ในอนาคตอาจเกิดความไม่มั่นคงทางด้านอาหารได้และไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้ต่อไป รวมถึง ปัญหาในเวทีการค้าระหว่างประเทศที่กีดกันสินค้าจีเอ็มโอ(GMOs)

"ไทย กับ E-Sport ระดับโลก"
 ถ้าจะให้พูดถึงต้นกำเนิดของวงการ E-Sport ในบ้านเรา ก็คงต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 2543 ในปีนั้นมีการจัดแข่งขัน E-Sport รายการแรกของเมืองไทยเกิดขึ้น มาจนถึงวันนี้ก็นับเวลาได้ 12 ปีเต็มๆ ที่ประเทศไทยรู้จักมักคุ้นกับคำว่า E-Sport คำถามคือ ณ วันนี้เราพูดได้เต็มที่แล้วหรือยังว่า E-Sport บ้านเราบูมแล้ว?
อดีตที่ขมขืนของนักกีฬา E-Sport เมืองไทย

          ถึงแม้ว่า E-Sport บ้านเราจะเริ่มเป็นที่รู้จักกันเมื่อ 12 ปีก่อน มีการส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันรายการระดับโลก ในปี 2544 แต่เมื่อเทียบกับต่างประเทศ นักกีฬาบ้านเราก็จัดอยู่ในระดับมือสมัครเล่นเท่านั้น ที่ผ่านมาถึงแม้ว่านักกีฬาจะพยายามผลักดันยังไงก็ยังห่างไกลจากคำว่า “นักกีฬามืออาชีพ” เหมือนอย่างที่ประเทศเกาหลีใต้ประสบความสำเร็จ
          สาเหตุก็เพราะ นักกีฬาบ้านเราขาดการสนับสนุนอย่างจริงจังจากเหล่าสปอนเซอร์ ซึ่งก็ไม่พ้นบริษัท IT ทั้งหลายที่ถูกมองว่าเป็นแหล่งสปอนเซอร์หลัก แต่ที่ผ่านมาสิ่งที่นักกีฬาได้รับการสนับสนุนก็มีเพียงแค่อุปกรณ์ไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ซึ่งมันเป็นเหมือนการช่วยเหลือกัน มากกว่าที่จะเรียกได้อย่างเต็มปากว่า “สปอนเซอร์”
          ที่สำคัญรายการแข่งที่จะแสดงฝีมือก็มีน้อยเกินกว่าที่จะต่อรองขอการสนับสนุนที่มากกว่านี้ ดังนั้นนักกีฬ่า E-Sport บ้านเราจึงต้องใช้ “ใจ” เป็นอย่างมาก ในการที่จะเป็น “นักกีฬา E-Sport”
          จึงไม่แปลกเลยที่ท้ายที่สุด แต่ละคน แต่ละทีม จะต้องควักเงินส่วนตัวเพื่อผลักดันตัวเองให้อยู่ในวงการ จนเมื่อมองจากมุมกว้าง นักกีฬา E-Sport บ้านเราจึงมีอยู่แค่หยิบมือเดียวและถูกจำกัดให้อยู่ในระดับแค่มือสมัครเล่น
ตัวแปรที่เข้ามาเปลี่ยนวงการ
          จนเมื่อปี 2551 ได้เกิด Event การแข่งขันหนึ่ง ที่เข้ามาเปลี่ยนมุมมองของเหล่าบริษัท IT ให้ตื่นตัวกับวงการ E-Spot มากขึ้น นั่นก็คือรายการ ESTC 2008 ตัวแปรสำคัญที่ทำให้รายการนี้ได้รับความสนใจ คือการเชิญนักกีฬา E-Sport จากต่างประเทศเข้ามาแข่งขันในประเทศไทย 
          แน่นอนว่าเมื่อประเทศไทยได้มีโอกาศต้อนรับนักกีฬาที่มีฝีมือระดับโลก ทำให้เกิดกระแสการตื่นตัวทั้งนักกีฬ่าและบริษัท IT จนนำมาสู่การเริ่มมีทีมที่ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการ จากเหล่าสปอนเซอร์ที่เล็งเห็นฝีมือและความสำคัญของนักกีฬา E-Sport ของประเทศไทย
          การจัด ESTC 2009 ยิ่งเป็นการตอกย้ำอีกครั้ง ว่าแท้จริงแล้วศักยภาพของนักกีฬาไทย มีความพร้อมที่จะยกระดับเข้าสู่นักกีฬามืออาชีพ และเมื่อมีรายการใหญ่ได้ให้พิสูจน์ฝีมือ เหล่าบริษัท IT จึงพุ่งเป้าสนใจวงการ E-Sport มากขึ้นเป็นเท่าทวี สิ่งทีเกิดขึ้นจึงเป็นเหมือนสัญญาณที่เราทุกคนสามารถรับรู้ได้ว่า ยุคทองของ E-Sport เมืองไทยกำลังจะมาถึงแล้ว 
 สิ่งที่กำลังเป็นอยู่ของวงการ E-Sport เมืองไทย
          คงปฏิเสธไมได้ว่า ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา วงการ E-Sport บ้านเรากำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นภาพที่เราอยากให้เกิดขึ้นมานานแล้ว เนื่องจากบริษัท IT หลายราย เริ่มที่จะจริงจังกับการผลักดันวงการนี้มากขึ้น เมื่อนักกีฬาได้รับการสนับสนุนมากขึ้น แน่นอนว่านักกีฬาเองก็ต้องแสดงความเป็นมืออาชีพมากขึ้น รวมไปถึงผลงานทั้งในเวทีระดับประเทศหรือระดับนานาชาติ
          ในเรื่องของฝีมือ นักกีฬ่าไทยพิสูจน์ให้เห็นกันแล้วว่า หากจะวัดกันจริงๆ นักกีฬาไทยก็สามารถคว้าแชมป์โลกได้ไม่ใช่เรื่องฝัน ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ทำให้เห็นมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเกม Ragnarok, GetAmped, Point Blank ส่วนเกมอื่น ในระดับซีเกมส์เราก็ไม่เป็นรองใคร เช่น DotA, SF, StarCraft II แต่ถ้าในระดับเอเชียนเกมส์ก็คงต้องสู้กันต่อไป 
          ยิ่งตอนนี้ทางบริษัท IT ได้รวมตัวกันจัดรายการแข่งขันขึ้นมา เพื่อผลักดันวงการนี้มากขึ้น ยิ่งทำให้นักกีฬาไทยมีเวทีในเพื่อฝึกฝีมือ ยิ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ในอนาคตประเทศไทยอาจมีกองทัพนักกีฬ่า E-Sport มากพอที่จะขอเขย่าบัลลังก์วงการ E-Sport ในระดับโลกก็เป็นได้
          แต่ทุกสิ่งทุกอย่าง ตอนนี้คงขึ้นอยู่กับสิ่งที่นักกีฬา E-Sport เองแล้วละครับ ว่าจะแสดงออกมาให้ทุกคนได้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพ ระเบียบวินัยในการฝึกซ้อม น้ำใจนักกีฬา ได้มากน้อยขนาดไหน วงการนี้จะโตขึ้นหรือวูบดับไป นักกีฬาคือคนกำหนดทิศทางทั้งสิ้น
          ทุกสิ่งทุกอย่างมาได้ถูกทาง อย่างที่เราอยากเห็นแล้ว อนาคตเราไม่สามารถบอกได้ว่ามันจะเป็นยังไง แต่สิ่งที่เราทำได้คือ ปัจจุบันเราทำมันยังไงต่างหาก คงไม่มีใครอยากเห็นเหล่าสปอนเซอร์ถอดใจ เพราะนั้นมันจะหมายถึงหายนะของวงการ E-Sport บ้านเราอีกครั้ง 
          ไม่ว่าเราจะมองว่า “E-Sport ผลักดันวงการ IT” หรือ “วงการ IT ผลักดัน E-Sport” เราคงไม่สามารถแยกได้ว่าอย่างไหนมันสำคัญกว่ากัน เพราะท้ายที่สุดทั้ง 2 อย่างจะต้องควบคู่ไปด้วยกัน
          หากจะมองว่าวงการ E-Sport บูมหรือไม่ ผมบอกได้เลยว่า เรากำลังบูมสุดๆ แต่ถึงจุดสูงสุดหรือยัง ตอบได้เลยว่ายังอีกไกล ยังมีงานอีกหลายอย่างที่เราต้องทำเพื่อไปให้ถึงจุดๆ นั้นครับ 
          “ไต้หวันเพิ่งเริ่ม Professional League เมื่อ 2 ปีที่แล้ว มาตอนนี้เขาจะมีทีมเอง เขามีเงินเดือน เขาให้ที่พัก คือเขาจะซ้อมทุกวันเพื่อที่แข่งขันทุกเสาร์-อาทิตย์”
           “ต่อไปเราต้องการให้ทุกคนมองว่า เล่นเกมก็เป็นอาชีพได้ การเล่นเกมสมัยนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน ต่อไปเราอยากให้นักกีฬา E-Sport ไทยมีเงินเดือน มีเงินสนับสนุน เพื่อที่จะให้เขามีโอกาสฝึกซ้อมและไปแข่งกับทีมต่างประเทศ”
          “เมื่อก่อนมีแต่การแข่งลีก ไม่มีสปอนเซอร์ พอทีมไม่มีสปอนเซอร์แล้วพอแพ้บ่อยๆ เขาก็หมดกำลังใจไม่อยากแข่งต่อ จะทำให้ลีกพังตลอดเวลา เพราะฉะนั้นในครั้งนี้ที่ทาง Gigabyte ออกไอเดียมา นั่นก็คือให้เพื่อนๆ ในกลุ่ม IT มาช่วยกัน อยู่ข้างหลังคอยซัพพอร์ตอยู่ โดยที่ทุกคนห้ามถอยภายในปีนี้”
          “แต่ว่า GIGABYTE ก็มีการคุยกับบริษัท ไทยอีสปอร์ต จำกัด ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้อาจจะมีการจัดลีกล่าง คือส่งเสริมทีมใหม่ๆ เพื่อเป็นช่องทางให้บริษัทใหม่ๆ ที่กำลังอาจจะสนใจสนับสนุนทีม E-Sports เข้ามาดูและเลือกทีมจากลีกนี้ไปพัฒนาศักยภาพต่อเป็นทีมที่แข็งแกร่งได้”
          “ที่วางแผนไว้จะในปีนี้แน่ๆ ก็จะแข่ง DotA กันทั้งปี 12 เดือนเลย แต่ในช่วงต่อๆ ไปก็จะมีการเพิ่มการแข่งขันให้มากขึ้นเรื่อยๆ อย่าง Season 1 เรามีแต่การแข่งออนไลน์ ใน Season 2 ทาง GIGABYTE จะมีการแข่งออฟไลน์ที่จะรวมทีมอันดับ 1-4 มาแข่งอีกครั้ง เหตุผลที่ต้องมีการแข่งบ่อยๆ เพื่อที่ทางบริษัท ไทยอีสปอร์ต จำกัด จะได้สามารถหาผู้สนับสนุนรายอื่นๆ เข้ามาเพิ่มเติมเรื่อยๆ จนทำให้การแข่งขันใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ ได้ สุดท้ายคนเล่นเกมจะกลายเป็นมืออาชีพ



10 อันดับ Blogger สอนเขียนโปรแกรมและ 10 อันดับ Blogger ที่คิดว่าน่าสนใจ "



1.คอร์ดรวมพื้นฐานการแฮค และ เทคนิคที่ใช้แฮค
:http://kiss-hack.blogspot.com/2014/12/pentesting-hacking-webapplication.html

2.กฏระเบียบในเว็บและเพจ (วงการด้วย)
:http://kiss-hack.blogspot.com/2013/09/blog-post.html

3.PHP เบื้องต้น (คุยกันก่อน)
:http://kiss-hack.blogspot.com/2013/08/php.html

4.อยากเป็น Hacker
:http://kiss-hack.blogspot.com/2013/08/hacker.html

5.มาพูดถึงเรื่องการ ยิงIP ด้วย Flood ต่างๆกัน
:http://kiss-hack.blogspot.com/2013/08/ip-flood.html

6.สอนเขียน Java ขั้นพื้นฐานพร้อมกับ E-BOOK
:http://xn--72c0ahm0b6dtbw6k.blogspot.com/2012/04/java-e-book.html

7.c/c++ robot simulator เรียนรู้การเขียนโปรแกรมควบคุมหุ่นยนต์
:http://krumonrobot.blogspot.com/

8.สร้างแบบฟอร์มลงทะเบียน แบบฟรี Form Free Google Drive
:http://kobover.blogspot.com/2014/03/form-free-google-drive.html

9.เขียนโปรแกรมโดยใช้วิชวลเบสิก 2008 (visual basic 2008)
:http://code-visual-basic.blogspot.com/

10.JAVA เบื้องต้น
:http://www.javathailand.com/ajax/app/index.php?r=frontend/viewByGroupVdoId&group_vdo_id=1

10 อันดับ Blogger ที่คิดว่าน่าสนใจ

10 อันดับ บล็อกเกอร์ไทยมาแรง !

10 อันดับ บล็อกเกอร์ไทยมาแรง !

ผู้หญิงจำเป็นจะต้องดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอตั้งแต่หัวจรดเท้า ค้นหาข้อมูลจากเว็บไซด์ต่างๆ ทั้งการแชร์เทคนิคหรือเคล็ดลับต่างๆ จึงทำให้สาวๆหลายคนติดตาม บิ้วตี้ บล็อกเกอร์เพื่ออัพเดทเทรนด์ให้ทันอยู่เสมอ เหมือนกับเป็นการแบ่งปันความรู้ด้านความสวยงาม วันนี้ Sanook!women จะพาสาวๆมาดู บิ้วตี้ บล็อกเกอร์ไทย ที่กำลังมาแรงอยู่ในตอนนี้  เราจะมาจัดอันดับ 10 อันดับ บิ้วตี้ บล็อกเกอร์ ที่มียอดไลค์บนแฟนเพจเยอะมากที่สุดกันค่ะ :)
อันดับ 1Pearypie: Make-up Artist/Theatrical Artist : 473,953 likes เป็นใครไปไม่ได้เลยเพราะสาวแพรรี่พาย นอกจากจะมีฮาวทูการแต่งหน้าออกมาให้สาวๆได้อัพเดทกันอยู่เสมอ ยังมีทั้งแฟชั่นการแต่งกาย ที่บอกเลยว่ามาแรงแซงทางโค้งจริงๆ 
  TOP 10 BEAUTY BLOGGER THAI
อันดับ 2แย้ นนทพร ธีระวัฒนสุข : 387,207 like 
ด้วยความที่เป็นพริตตี้สาวมากความสามารถ จึงทำให้ยอดไลค์ของหญิงแย้ มาเป็นอันดับที่ 2 ทั้งแบ่งปันวิธีการดูแลตัวเอง ตั้งหัวจรดเท้า แถมยังเป็นผู้หญิงที่เป็นตัวของตัวเองสุดๆ ทำให้ใครหลายๆคนยกให้หญิงแย้ เป็นไอดอล
TOP 10 BEAUTY BLOGGER THAI
อันดับ 3Sp Saypan : 336,041 likes เป็นอีกหนึ่งสาวบิ้วตี้ บล็อกเกอร์ที่มาแรงอยู่ในตอนนี้ สายป่าน หรือใครๆหลายคนอาจจะรู้จักในนามของ ป่านศรี ด้วยความน่ารักและความจริงใจในการรีวิวผลิตภัณฑ์และเทคนิคในการดูแลตัวเองต่างๆ ทำให้สาวๆหลายคนเทใจให้สาว บิ้วตี้ บล็อกเกอร์คนนี้
TOP 10 BEAUTY BLOGGER THAI
อันดับ 4Momay Pa Plearn : 275,791 likes โมเม พาเพลิน สาวไทยต่างขนานนามให้เธอว่า " คุณแม่ " ด้านการแต่งหน้าตัวจริง โมเม พาเพลิน ถือว่าเป็นผู้ที่ทำให้สาวๆหลายคนที่คิดจะเริ่มฝึกแต่งหน้า คิดถึงเธอเป็นคนแรก   
 TOP 10 BEAUTY BLOGGER THAI
อันดับ 5FEONALITA : 182,713 likes 
ทราย ฟีโอนาลิต้า บิ้วตี้ บล็อกเกอร์ที่ใครหลายคนคงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี สาวร่างเล็กคนดังประจำโต๊ะเครื่องแป้งพันทิป เธอมีทั้งเคล็ดลับการดูแลเสื้อผ้าหน้าผม รวมถึงการรีวิวผลิตภัณฑ์อีกมากมาย
TOP 10 BEAUTY BLOGGER THAI
อันดับ 6Kunginter : 113,099 likes กุ้ง อินเตอร์ เป็นบิ้วตี้ บล็อกเกอร์อีกคนหนึ่งที่มีวิธีการดูแลตัวเองแบ่งปันให้ชาวแฟนเพจเสมอ ทั้งการดูแลผิวหน้า ผิวกาย รีวิวผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย จึงทำให้แฟนเพจส่วนใหญ่มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย 
TOP 10 BEAUTY BLOGGER THAI
อันดับ 7I'm Mayyr - Blog : 78,395 like 
เป็นสาวน้อยน่ารักอีกคนหนึ่ง ที่กลายเป็นที่รู้จักของสาวๆส่วนใหญ่เพราะการแต่งหน้า ทั้งการรีวิวเครื่องสำอางและของใช้คุณภาพดี บวกกับหน้าตาที่น่ารักจิ้มลิ้มทำให้แฟนเพจของคุณเมย์เป็นผู้ชายไม่น้อยเลยทีเดียว
TOP 10 BEAUTY BLOGGER THAI
อันดับ 8Cinnamongal.com : 77,810 likes 
คุณมด บิ้วตี้ บล็อกเกอร์อีกหนึ่งคนที่สาวๆคงจะรู้จักกันเป็นอย่างดี เธอเปิดร้านขนมและยังเป็นที่รู้จักในวงการบิ้วตี้ บล็อกเกอร์ ที่มากความสามารถจริงๆ 
TOP 10 BEAUTY BLOGGER THAI
อันดับ 9OnnBaby : 21,729 likes บล็อกเกอร์สาวสุดชิค กลายเป็นที่รู้จักของสาวๆจากการแบ่งปันเคล็ดลับและเทคนิคดีๆในการดูแลตัวเอง และยังเปิดตัวแบรนด์เครื่องสำอางที่แพคเกจแสนจะน่ารักกุ๊กกิ๊ก 
TOP 10 BEAUTY BLOGGER THAI
อันดับ 10
Jelly Fish Makeup Mania : 19,022 likes
 ปิดท้ายด้วยสาวสวยคนนี้ คุณจูน ที่มีทั้งฮาวทูการแต่งหน้าและยังแบ่งปันเทคนิคในการทำทรงผมต่างๆมากมาย สาวๆหลายคนจึงไม่รีรอที่จะกดติดตามเธอเพื่ออัพเดททริคในการดูแลตัวเองอย่างรอบด้าน
TOP 10 BEAUTY BLOGGER THAI

แหล่งที่มา : http://women.sanook.com/21100/

วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

"รวมทุกอย่างของ Edward Snowden"

"รวมทุกอย่างของ Edward Snowden"


“เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน” มือแฉ NSA สหรัฐฯ ประกาศยอมรับ “โทษติดคุก” แลกดีลกลับอเมริกา
เอเจนซีส์ - ในการให้สัมภาษณ์กับรายการบีบีซี “พาโนรามา” ในคืนวันจันทร์ (5 ต.ค.) เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลสหรัฐฯ ที่ได้แฉข้อมูลโครงการจารกรรมลับของรัฐบาลอเมริกา ประกาศ “พร้อมยอมรับโทษจำคุกในเรือนจำ” หากได้กลับคืนสู่สหรัฐฯ บ้านเกิด
       
       RT สื่อรัสเซีย รายงานวันนี้ (6) ถึงการตอบข้อซักถามในรายการบีบีซี “พาโนรามา” ของเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลสหรัฐฯ ล่าสุดเมื่อคืนวานนี้ (5) ในการเดินทางกลับสหรัฐฯ โดยแลกกับการต้องถูกส่งเข้าเรือนจำเพื่อรับโทษ
       
       โดยสโนว์เดนที่ขณะนี้ยังลี้ภัยอยู่ในรัสเซียกล่าวตอบว่า “แน่นอนที่สุด” จากการรายงานของสื่ออังกฤษ เดอะการ์เดียน พร้อมกับกล่าวต่ออย่างอารมณ์ดียืนยันว่า “ความจริงแล้วผมขอเสนอตัวส่งตัวเองเข้าสู่ห้องขัง” และสโนว์เดนยังกล่าวต่ออีกว่า “ผมได้อาสาที่จะเข้าห้องขังพร้อมกับรัฐบาลตั้งหลายครั้ง” แต่อย่างไรก็ตาม จอมแฉข้ามโลกยังยืนยันว่า “แต่สิ่งหนึ่งที่ผมจะไม่กระทำคือการเป็นผู้ขัดขวางต่อต้านต่อใครก็ตามที่กำลังพยายามทำในสิ่งที่ถูกต้องในสถานการณ์ที่ยากลำบาก”
       
       แต่กระนั้นถึงแม้สโนว์เดนจะยื่นความปรารถนาที่จะยอมเข้าคุกเพื่อยอมรับโทษในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่ทางกระทรวงยุติรรมสหรัฐฯ ยังไม่ตอบกลับมาในเรื่องนี้
       
       โดยมือแฉอดีตเจ้าหน้าที่ NSA สหรัฐฯ กล่าวว่า “เรายังคงรอการติดต่อกลับจากทางเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ”
       
       และสื่อรัสเซียยังรายงานเพิ่มเติมต่อว่า ในรายการบีบีซีเมื่อวานนี้ ยังมีการสัมภาษณ์ไมเคิล เฮย์เดน (Michael Hayden) อดีตผู้อำนวยการ CIA และล่าสุดเพิ่งเกษียณจากการดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ NSA ถึงการกลับสหรัฐฯ ของเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดนว่า “หากคุณถามผมถึงเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน ผมว่าเขาคงตายอยู่ในมอสโก เขาจะไม่กลับมาอเมริกา” เฮย์เดนกล่าว
       
       ทั้งนี้ สหรัฐฯ ได้เคยเรียกร้องให้เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน กลับมาเผชิญกับข้อกล่าวหาโทษอุกฉกรรจ์ภายใต้กฎหมายจารกรรมลับ โดยหากเขาถูกตัดสินมีความผิดจริงอาจต้องรับโทษจำคุกสูงสุดถึง 30 ปีในเรือนจำ แต่อย่างไรก็ตาม สโนว์เดนไม่ยินยอมเนื่องจากว่าการขึ้นไต่สวนภายใต้ความผิดนี้ ผู้ถูกกล่าวหาจะไม่มีโอกาสสามารถใช้ข้ออ้างการเปิดเผยความลับเพื่อประโยชน์สาธารณะได้
       
       นอกจากนี้ยังพบว่า ในการขึ้นศาลไต่สวนนั้น ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเผยข้อมูลลับของเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน ที่ได้แฉโครงการสอดแนมของหน่วยงาน NSA ออกมาจะไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยในชั้นศาล และทางรัฐบาลกลางสหรัฐฯ จำเป็นต้องพิสูจน์ว่าสโนว์เดนเป็นผู้เผยแพร่ข้อมูลทั้งหมดสู่สาธารณะ



ข่าวที่นาย Edward Snowden ชาวอเมริกันวัย29 ปี ลูกจ้างชั่วคราวขององค์กรราชการลับอย่าง NSA(NationalSecurity Agency) ที่มีหน้าที่หาข้อมูลจากข่าวสารต่างๆตามหน้าหนังสือพิมพ์เพื่อนำข้อมูลต่างๆเหล่านี้ส่งเก็บไปที่ฐานข้อมูลให้กับองค์กรอย่าง NSA นั้นก็ปรากฏว่าจู่ๆนาย Edward Snowden ไปให้สัมภาษณ์กับหนังสือของอังกฤษ theGuardian ว่าองค์กรอย่าง NSA ได้ทำการดับฟัง(eavesdropping)การพูดจาของคนอเมริกันเป็นจำนวนหลายล้านคนรวมถึงการเข้าไปเจาะข้อมูลแบบจารชน(spy)ทางสื่ออินเตอร์เนทของชาติต่างๆทั่วโลก

นาย Edward บอกหนังสือพิมพ์the Guardian ว่า 'คุณจะนึกไม่ถึงหรอกว่าความสามารถของพวกเขา(NSA)มีมากเพียงใดและเป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวมาก...' และเขายังกล่าวต่อไปว่า'...ผมไม่ต้องการจะอยู่ในโลกที่ทุกอย่างถูกทำการบันทึกหรือถูกจับตามอง...นี่คือสิ่งที่ผมไม่ต้องการเข้าไปสนับสนุนหรือต้องการใช้ชีวิตแบบนี้...'และท้ายสุดนาย Edward ก็ได้กล่าวว่า 'ผมไม่ได้คาดหวังว่าจะได้กลับบ้านเกิดอีกแล้วแม้ว่าผมต้องการจะกลับบ้าน'

ก็แปลกดีครับ ที่คำให้สัมภาษณ์ของนาย EdwardSnowden กับหนังสือพิมพ์ the Guardian เกิดขึ้นในช่วงที่ประธานาธิบดีของจีนนายสี จิ้งผิงเดินทางไปพบประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานายบารัค โอบามาและบทสนทนาที่สำคัญยิ่งระหว่างผู้นำทั้งสองชาตินี้ก็คือเรื่องการจารกรรมข้อมูลระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาว่าเป็นสิ่งที่สร้างความกังวลให้กับทั้งจีนและสหรัฐอเมริกามาก

แต่การให้สัมภาษณ์ของนาย EdwardSnowden ดูคล้ายจะตอกย้ำว่า ตัวสหรัฐอเมริกาเองซึ่งผ่านทางหน่วยงานรัฐอย่างองค์กร NSA ต่างหากที่คอยไปเจาะเก็บข้อมูลของชาติต่างๆ ซึ่งแน่นอนจีนก็ย่อมเป็นชาติที่ต้องโดนองค์กรอย่าง NSA เข้าเจาะข้อมูล(hacking)อย่างต่อเนื่องเพราะพนักงานของทาง NSA อย่างนาย Edward Snowden ก็ได้ออกมายอมรับว่าNSA มีพฤติกรรมดังกล่าวจริง แม้ว่าเขาไม่ได้พูดเฉพาะเจาะจงว่า NSAเล่นงานเจาะข้อมูลของจีนเพียงชาติเดียว

และที่น่าแปลกใจอีกอย่าง คือนาย Edwardให้สัมภาษณ์เรื่องดังกล่าวในขณะที่เขาพักอยู่ที่ฮ่องกง(เขาได้เดินทางออกจากโรงแรมที่ฮ่องกงไปแล้วตอนนี้ไม่รู้อยู่ไหน)ซึ่งเป็นเขตภายใต้การปกครองของจีนดังนั้นทางรัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะขอให้ทางจีนส่งตัวเขากลับไปยังสหรัฐอเมริกาทันทีนั้นจีนก็อาจย่อมมีการสงวนท่าทีบ้างแม้ว่าตอนที่ฮ่องกงอยู่ภายใต้การปกครองของสหราชอาณาจักรนั้นทางสหราชอาณาจักรสามารถที่จะส่งคนที่ทางรัฐบาลชาติอื่นขอตัวนำกลับประเทศที่ทำเรื่องเรียกร้องมาซึ่งสามารถทำได้

แต่ที่น่าสนใจอีกอย่าง คือนาย EdwardSnowden ถ้าดูแล้ว เขาก็ไม่ได้เป็นสายลับให้กับชาติใดไม่เหมือนอย่างในยุคสงครามเย็น ที่ทางสหรัฐอเมริกาและทางสหภาพโซเวียดต่างมีสายลับล้วงข้อมูลระหว่างกัน ถ้าถูกจับได้ว่ามีการทำงานให้กับชาติศัตรูก็จะถูกดำเนินคดี ในอดีตถึงกับทำโทษถึงขั้นประหารชีวิต

สิ่งที่นาย Edward Snowden ให้สัมภาษณ์ต่อหนังสือพิมพ์the Guardian คือองค์กรอย่าง NSA ได้เข้าไปล้วงลูกเจาะข้อมูลของชาติต่างๆผ่านทางอินเตอร์เนทและทำการล้วงลูกเจาะข้อมูลของคนอเมริกันที่มีจำนวนเป็นล้านคือเล่นงานคนชาติเดียวกันอีกด้วย

นายบารัค โอบามาได้พูดกับสื่อว่า สิ่งที่นาย Edward Snowden ออกมาให้สัมภาษณ์นั้นไม่เป็นความจริงเลย รัฐบาลอเมริกันมีหน้าที่ปกป้องความปลอดภัยต่อพลเมืองอเมริกันเท่านั้น

ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าคำว่าปกป้องพลเมืองอเมริกันนั้น ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ใช้ rated อะไรในการวัดเช่น rated G, rated PG, rated R, rated X, rated XXX เพราะสิ่งที่นายEdward พูดว่าทาง NSA เข้ามาล้วงเจาะข้อมูลคนอเมริกันและคนทั้งโลกเป็นความจริงตามที่เขาให้สัมภาษณ์และนายโอบามาก็ไม่ได้ปฎิเสธแบบได้ใจคนอเมริกันทั้งหมดเพียงแต่บอกว่ารัฐบาอเมริกันต้องการปกป้องความปลอดภัยของคนอเมริกัน

ตอนนี้ทางสื่อก็ได้มีการขุดคุ้ยประวัติของนายEdward Snowden อย่างเต็มที่ ดูเขาเรียนหนังสือไม่จบชั้นมัธยมปลายแต่มีความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์ดีมาก และได้ถูกว่าจ้างเป็นเงินค่อนข้างแพงให้ทำงานแบบลูกจ้างชั่วคราวให้กับองค์กรอย่าง NSA ซึ่งก็แปลกดีที่ทางNSA ว่าจ้างพนักงานชั่วคราวอย่างนาย Edward มาทำงานให้กับทาง  NSA

'สหรัฐอเมริกา ใช้อำนาจอย่างไม่ชอบธรรมและความล้ำเลิศทางเทคโนโลยีในการเจาะหาติดตามข้อมูลของผู้อื่นอย่างน่าสะพรึงกลัวมาก'นาย Edward กล่าว

ตอนนี้นาย Edward Snowden คงต้องคอยหลบหนีการติดตามไล่ล่าของรัฐบาลสหรัฐฯมหาอำนาจเบอร์หนึ่งของโลก ก็ไม่รู้ว่าเขาจะไปจบหรือลงเอยที่ไหน

'If you live another day. I will be very impressed'

ประโยคดังกล่าวมาจากภาพยนตร์เรื่อง theEnemy of the State(1998) ที่ทางหน่วยงานรัฐทาง NSA พูดกับพวกที่กำลังถูกทางรัฐบาลไล่ล่าอยู่เพราะถูกมองว่าเป็นศัตรูของรัฐบาล

ครับคุณ Edward Snowden 'If youlive another day. I will be very impressed'

วันนี้ผมจะขอปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่เล่น facebook ไม่ส่งอีเมล์ แล้วก็จะไม่ chatกับใครเพื่อทำใจให้กับตัวเองครับ


นายสโนว์เดน เคยได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นการบังหน้า แต่ความจริงเป็นสายลับอเมริกันที่เข้าถึงระบบอินเตอร์เน็ตที่ใช้จารกรรมข้อมูลต่างๆ ของทุกหน่วยงานทั่วโลก รวมทั้งสามารถเข้าถึงข้อมูลของบริษัทเอกชนที่ใช้ระบบอินเตอร์เน็ตได้หมด แม้ว่าบริษัทกูเกิล เฟซบุ๊ก ไมโครซอฟท์ จะปฏิเสธว่าไม่ได้ให้ข้อมูลกับกระทรวงกลาโหมโดยตรงแต่ก็ยอมรับว่าให้ทางอ้อม

นายสโนว์เดน เปิดเผยความลับนี้ให้กับ หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน ของอังกฤษ และต่อมาก็ให้กับ หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ เมื่อเขาเดินทางจากฮาวายซึ่งสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติมีสาขาอยู่ที่นั่นไปที่ฮ่องกง เพราะเขาเชื่อว่าฮ่องกงคงไม่ส่งเขากลับไปสหรัฐเมื่อถูกดำเนินคดี ซึ่งเหมือนกับนายทหารชื่อ แบรดลี  แมนนิ่ง ที่ส่งเอกสารลับของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐให้กับเว็บไซต์วิกิลีก เป็นข่าวเกรียวกราวถึงเอกสารรายงานของสถานทูตอเมริกันทั่วโลกที่ส่งให้กระทรวงต่างประเทศซึ่งมีเอกสารจากสถานทูตอเมริกันที่กรุงเทพฯส่งกลับไปวอชิงตันด้วย
การกระทำของสำนักข่าวกรองกลางและสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ แม้จะอ้างว่าเป็นการกระทำเพื่อปกป้องประเทศชาติและประชาชนอเมริกัน แต่ก็เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ผิดรัฐธรรมนูญ เป็นการคุกคามเสรีภาพส่วนบุคคลโดย รัฐŽ สิทธิของประชาชนในการมี ความเป็นส่วนตัวŽ และเสรีภาพในทรัพย์สินและเคหสถานเป็นเสรีภาพสำคัญที่ รัฐŽ จะต้องเคารพตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ

รัฐบาลอเมริกันคงจะตั้งข้อหานายสโนว์เดนทำความผิดฐานขัดขวาง พ.ร.บ.จารกรรมความลับหรือ Espionage Act เพื่อช่วยศัตรูของชาติ
   

Man behind NSA leaks says he did it to safeguard privacy, liberty


  Watch this video


แหล่งที่มา : http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000112321
                http://www.stou.ac.th/forum/page/Answer.aspx?idindex=144379

20 ตำนาน Hacker ของโลก !

     แฮกเกอร์ (Hacker) คือ บุคคลที่มีความสนใจในกลไกการทำงานของระบบปฏิบัติการบนคอมพิวเตอร์อย่างลึกซึ้ง แฮกเกอร์ส่วนใหญ่ต้องมีความรู้เทียบเท่าหรือเหนือกว่าโปรแกรมเมอร์ โดยจะเป็นเช่นนั้นได้ เพราะพวกเขามีความใส่ใจที่จะนำความรู้พื้นฐานที่ผู้อื่นมองว่าธรรมดามาประยุกต์ใช้ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดแนวความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ อยู่ในสังคมดิจิตอลอยู่ตลอดเวลา แฮกเกอร์จะมีความเข้าใจในจุดอ่อนของระบบและที่มาของจุดอ่อนนั้นๆ เนื่องจากคอยติดตามข่าวสารและความรู้ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา การกระทำใดๆ ที่เกิดจากการศึกษาของแฮกเกอร์จะต้องแน่ใจแล้วว่า ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ข้อมูล
      แฮกเกอร์ (Hacker) หมายถึง บุคคลผู้ที่เป็นอัจริยะ มีความรู้ในระบบคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี สามารถเข้าไปถึงข้อมูลในคอมพิวเตอร์ โดยเจาะผ่านระบบรักษาความปลอดภัย ของคอมพิวเตอร์ได้ กลุ่มพวกนี้จะอ้างว่า ตนมีจรรยาบรรณ ไม่หาผลประโยชน์จากการบุกรุกและประณามพวก Cracker
      แฮกเกอร์ (Hacker) คือ บุคคลผู้ซึ่งสามารถประยุกต์เอาความรู้ธรรมดาให้กลายเป็นเครื่องมือพิเศษ ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในทางที่สุจริตได้

ประวัติและผลงานของแฮกเกอร์ชื่อดังของโลก 20 คน

1. Jonathan James


ตอนที่หมอนี่โดนจับ ทั่วทั้งอเมริกาแตกตื่น เพราะหมอนี่อายุเพียง 15 ปีเท่านั้น Jonathan James หรือชื่อรหัสในโลก Hacker ก็คือ c0mrade ได้สร้างชื่อด้วยการเจาะระบบมากมาย ตั้งแต่บริษัทโทรศัพท์ BellSouth ไปจนถึงหน่วยงาน DTRA ในกระทรวงกลาโหมสหรัฐ และที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปี 1999 หมอนี่ Hack เข้าไปฝังตัว Backdoor ใน Nasa ซึ่งทำให้อ่านข้อมูลลับได้มากมายรวมไปถึงขโมยโปรแกรมที่ทาง Nasa พัฒนาขึ้นด้วยเงินมหาศาลถึง 1.7 ล้านดอลล่าร์สหรัฐไปหน้าตาเฉย ซึ่งในภายหลังทาง Nasa ต้องปิดระบบถึงสามสัปดาห์เพื่อแก้ไข ทำให้สูญเสียเงินไปอีก 41,000 $ ปล. หมอนี่บอกกับศาลว่า เค้าอยากได้โปรแกรมมาเพื่อฝึกฝีมือภาษา C ของตัวเองเท่านั้น แต่พอขโมยมาได้ ก็กลับถามว่าโปรแกรมห่วยๆนั่นมีค่าถึง 1.7 ล้านดอลล่าร์เลยเชียวหรือ

2. Adrian Lamo



อีตานี่ก็เป็นอีกหนึ่ง Hacker ที่แสบไม่แพ้กัน ซึ่งคนที่โดน Adrian Lamo เจาะเข้าไป ก็มีตั้งแต่ หนังสือพิมพ์ The New York Times , Microsoft , Yahoo , Bank of America , CitiGroup และ Cingular ซึ่งที่ๆสร้างชื่อเสียงที่สุดให้เขาก็คือ การที่เขาเจาะเข้าไปใน The New York Times และเอาชื่อตัวเองเข้าไปใส่ไว้ใน แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ระดับสูงของหนังสือพิมพ์ The New York Times และใช้บัญชีของนักเขียนชื่อดัง LexisNexis ในการค้นคว้างานวิจัยจากฐานข้อมูลของ The New York Times อีกด้วย หลังจากที่ใช้กรรม ไปมากมาย ตอนนี้ Adrian Lamo ทำงานเป็นนักข่าว และนักพูด เกี่ยวกับวงการ Hacker และพึ่งจะได้รับรางวัลนักข่าวยอดเยี่ยมมาไม่นานนี้เอง 

3. Kevin Mitnick


นี่คือชายที่ครั้งหนึ่ง กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐเคยหมายหัวไว้ว่า “อาชญากรทางคอมพิวเตอร์ที่ทางสหรัฐต้องการตัวมากที่สุด” เพราะเขาคือคนแรกที่ทำให้คำว่า Hacker โด่งดังไปทั่วโลกจนถึงทุกวันนี้ ผลงานของ Mitnick อาจจะเก่าไปซักหน่อย เพราะพี่ท่านเล่น Hack มาตั้งแต่ช่วงปี 70’ กับผลงานการเจาะระบบ Punch Card ของ Los Angeles Bus System ทำให้เขาสามารถขึ้นรถเมล์ได้ฟรีตั้งกะอายุ 12. เข้าไปป่วนระบบโทรศัพท์ทำให้โทรทางไกลได้ฟรีๆ จากนั้นก็ ขโมยข้อมูลของบริษัทคอมพิวเตอร์ชื่อดังอย่าง DEC (Digital Equipment Corporation) ตามด้วยหน่วยงานด้านการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ โอ๊ย อีตานี่แสบๆๆ หลังจากที่ไปรับกรรมในคุกอยู่สองปีครึ่ง ตอนนี้เค้าก็กลายเป็น Hacker ที่หลายๆบริษัทขอความช่วยเหลือในการตรวจสอบระบบครับ(และสำคัญมากเป็นเพราะอีตานี่เองที่ทำให้โลกเราได้รู้จัก White-Hat สาดเลือดเอเชียที่เก่งกาจ) 

4. Kevin Poulsen





มีชื่อเรียกสวยเก๋ในวงการแฮกเกอร์ว่า Dark Dante, ผลงานเด่นๆของ Kevin Poulsen ก็คือการที่เค้าเจาะระบบโทรศัพท์ของสถานีวิทยุ KIIS-FM ใน LA ทำให้เค้าได้รางวัลรถ Porsche มาครอง และที่เด่นๆ ก็คือ อีตานี่แหย่หนวดเสือไป เจาะระบบฐานข้อมูลของ FBI ครับ และที่สำคัญก็คือ ระบบดักฟังของ FBI ครับ หลังจากที่ Kevin Poulsen โดนซิวไป 5 ปี ตอนนี้เค้าก็กลายเป็น นักข่าวอาวุโสของสำนักข่าว Wired News และคอยช่วยเหลือในการไล่จับพวก BlackHat คนอื่นๆอีกมากมาย

5. Robert Tappan Morris






เค้าคือลูกชายของอดีตเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ของ NSA (National Security Agency) แท้ๆแต่ดันใช้ความรู้ในทางที่ผิดก่อความเดือดร้อนให้ชาวบ้านไปทั่ว เพราะหมอนี่แหละครับคือคนแรกที่สร้าง Worm ขึ้นมา และทำให้ระบบเครือข่ายพังทลายไปหลายวันเลยทีเดียว ขณะที่ Morris กำลังเรียนอยู่ที่ Cornell เค้าอยากรู้ว่าอินเทอร์เน็ตมันใหญ่ขนาดไหน เค้าก็เลยสร้างโปรแกรมที่มันจะเจาะไปได้เรื่อยๆ ไปๆมาๆ นั่นกลายเป็นเวิร์มตัวแรกของโลกที่ชื่อว่า MorrisWorm หลังจากนั้นคอมพิวเตอร์กว่า 6,000เครื่องทั่วโลกก็เจ๊งยับ เพราะเวิร์มของหมอนี่ พอโดนจับ Morris ก็โดนลงโทษจำคุก 3 ปีและโดนค่าปรับ 10,500 เหรียญและ ทำงานช่วยเหลือสังคมอีก 400 ชม.(ลงโทษขนาดนี้ แรงไปไหมพี่ เบากว่านี้ได้อีกนะ ) และหลังจากที่รับกรรมไปแล้ว ตอนนี้ Robert Morris ก็เป็นอาจารย์สอนหนังสืออยู่ที่ MIT 

6. Stephen Wozniak 





พูดถึง Apple Computer ใครๆก็อาจจะนึกถึง Steve Jobs ชายหนุ่มหัวแอบล้านซึ่งหลายๆคนรอคอย KeyNote ของเค้าในงาน MacWorld Conference ทุกปี แต่หารู้ไม่ว่าจริงๆแล้วถ้า Apple Computer ขาดเค้าคนนี้ไปล่ะก็ มันจะไม่มีวันนี้แน่นอน เพราะ Steve Wozniak คือผู้่ร่วมก่อตั้ง Apple Computer ครับ การเป็น Hacker ช่วงแรกของเค้าอยู่ที่ เค้าได้ไปอ่านบทความเรื่องการเจาะระบบโทรศัพท์ในหนังสือ Esquire เข้า หลังจากที่คุยกับ Steve Jobs พวกเขาก็ได้คิดค้น BlueBox เครื่องเจาะระบบโทรศัพท์ที่ทำให้คุณสามารถ โทรทางไกลได้ฟรีๆ (เอาเข้าไป) มีครั้งหนึ่ง Steve Wozniak ได้แอบใช้เครื่อง BlueBox โทรหาพระสันตปาปา โดยปลอมตัวว่าเป็น Henry Kissinger รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐในตอนนั้น แสบจริงๆ สำหรับช่วงแรกของการก่อตั้ง Apple Computer. Wozniak ได้ขายเครื่องคิดเลขแสนแพงของเขา และ Jobs ได้ขายรถแวนของเขา เพื่อเป็นทุนในการก่อตั้ง Apple Computer ครับ และสุดทเครื่อง Apple I ก็วางตลาด และทั้งคู่ได้ขายเครื่องนี้ในราคาเครื่องละ 666.66$ (เลขซาตานชัดๆ)

7. Tim Berners-Lee





ต้องขอบอกว่า ถ้าไม่มีอีตานี่โลกเราจะไม่มีคำว่า World Wide Web ครับ เพราะเค้าคนนี้คือ คนที่ คิดค้น www ขึ้นบนโลก. Tim Berners-Lee เป็นลูกของสองนักคณิตศาสตร์ระดับโลก Convey และ ?Mary Berners-Lee ซึ่งเป็นทีมสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ Manchester Mark 1 เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นแรกๆของโลก ในปี 2532 Tim Berners-Lee ทำงานเป็น FreeLance อยู่ที่ CERN (ศูนย์วิจัยเรื่องนิวเคลียร์ของยุโรป) ซึ่งเป็นเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปเขาได้คิดค้นระบบข้อความหลายมิติ (Hypertext) ขึ้นมา ซึ่งเมื่อมันผนวกเข้ากับ TCP และ DNS ล่ะก็ มันจะเป็นความสุดยอดของ HyperText แน่นอน และหลังจากนั้นมันจึงกลายเป็น ?World Wide Web ครับ เมื่อปี 2548 เขาได้รับรางวัล 1 ในร้อยบุคคลที่ทรงอิทธิพลต่อคนทั้งโลกมากที่สุด และในปี 2550 Tim Berners-Lee ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฝ่ายหน้า จากสมเด็จพระบรมราชินีเอลิซาเบทที่สอง เป็นการส่วนพระองค์ ทำให้ตอนนี้เค้ากลายเป็น Sir Tim Berners-Lee ไปแล้วครับ ผลงานการ Hack ของ Tim Berners-Lee ไม่เป็นที่ปรากฏ แต่ว่า เรื่องนี้ก็ทำให้เค้าโดนไล่ออกจากมหาวิทยาลัย Oxford ล่ะครับ ปล. เว็บไซต์แรกของโลกคือ http://info.cern.ch สร้างขึ้นโดย Tim Berners-Lee นี่แหละครับ 

8. Linus Torvalds






บิดาผู้ให้กำเนิด Linux ระบบปฏิบัติการ Unix ที่คนนิยมกันมากที่สุดในโลกขณะนี้ ในปี 1991 ขณะที่เขายังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย เฮลซิงกิ เขาได้สร้าง linux kernel ขึ้นจากพื้นฐานของระบบปฏิบัติการ Minix ขึ้น หลังจากนั้น เขาก็รวบรวมสมัครพรรคพวกมาช่วยกันเขียน และช่วยกันพัฒนาต่อกันทางอินเทอร์เน็ต โดยที่เขาเป็นคนรวบรวม ตรวจสอบ และแจกจ่ายงานไปยังโปรแกรมเมอร์ต่างๆทั่วโลก รวมถึงแจกจ่ายให้คนช่วยกันเอาไปใช้ฟรีๆอีกด้วย จุดที่น่าสนใจของโครงการนี้ก็คือ ทุกคนที่มาร่วมทำนั้น ทุกคนยินดีช่วยโดยไม่ได้ค่าตอบแทนแต่อย่างใด และมีเงื่อนไขต่อด้วยอีกว่า เมื่องานเสร็จแล้วจะต้องเผยแพร่ตัว Source Code แก่สาธารณะโดยไม่คิดมูลค่าเช่นเดียวกันครับ ทุกวันนี้ Linux Torvalds ทำงานอยู่ที่บริษัท Transmeta บริษัทที่ทำหน้าที่ออกแบบ CPU และยังคงดำรงตำแหน่ง ผู้นำของบรรดาผู้ใช้งานและพัฒนา Linux ทั้งโลกครับ ยิ่งไปกว่านั้น หนังสือ Times Magazine ได้ยกให้เค้าเป็น หนึ่งคนในหนังสือชื่อ 60 Years of Hero  สุดยอดดดดดดด

9. Richard Stallman






ผู้ริเริ่มโครงการ GNU (อ่านว่า กนู นะครับ) และมูลนิธิซอฟท์แวร์เสรี รวมไปถึงผู้ริเริ่มแนวคิดเรื่อง Copyleft (ฮ่า) และเป็นผู้ร่างสัญญาอนุญาติให้ใช้ได้ทั่วไป และต่อในภายหลัง สัญญานี้ได้กลายเป็น บรรทัดฐานซอฟท์แวร์เสรีจำนวนมาก ความเป็นแฮกเกอร์ของเค้าโผล่มาตอนที่เค้าทำงานอยู่ที่ MIT ในฐานะของ Staff Computer ทุกครั้งที่มีระบบอะไรใหม่ๆติดตั้งเข้าไปและมีรหัสผ่านกำกับอยู่ Richard Stallman จะหาทางแฮกและปลดรหัสผ่านออกทุกครั้ง ยังครับยังไม่พอ พอแฮกระบบเสร็จก็แฮก Printer ต่อเพื่อพิมพ์ข้อความบอกชาวบ้านว่าระบบไหนอยู่ที่ไหน ปลดรหัสผ่านอะไรไปแล้วบ้าง แสบจริงๆ 

10. Tsutomu Shimomura






สุดยอด White-Hat สายเลือดเอเชีย Tsutomu Shimomura ได้รับชื่อเสียงอย่างโด่งดัง ในฐานะที่ร่วมมือกับ John Markoff ในการช่วยเหลือ FBI ไล่จับสุดยอดแฮกเกอร์ของโลกในยุคนั้น นั่นก็คือ Kevin Mitnick นั่นเอง Tsutumu ทำงานเป็นนักวิจัยอยู่ที่ SDSC (San Diego Supercomputer Center) ซึ่งจริงๆแล้วก็โดนอีตา Kevin เข้ามาแฮกเอาโปรแกรมและเมล์สำคัญๆไป ดังนั้นด้วยคาวมแค้นเขาจึงร่วมมือกับ FBI ไล่จับ Kevin Mitnick ซึ่งต่อมาเมื่อเขาจับได้ เขาก็เลยเขียนหนังสือชื่อ Takedown เป็นเรื่องราวของการไล่จับ Kevin Mitnick ซึ่งต่อมาได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง TakeDown ด้วย

11.Johan Helsingius



มีนามแฝงว่า Julf เขาเป็นผู้จัดการของ Anonymous Remailer ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกเรียกว่า Penet.fi แต่ในที่สุดเขาก็ปิดกิจการลงในเดือนกันยายน ปี 1996 เนื่องจากตำรวจอ้างว่า Church of Scientology ได้รับความเสิยหายอันเกิดจากการมีคนนำความลับของพวกเขาไปเผยแพร่โดย ปกปิดตัวเองด้วยบริการของ Helsingius Remailer ที่เขาทำ ซึ่งดำเนินงานโดยคอมพิวเตอร์ 486 และ Harddisk 200Mb เพียงเท่านั้นเอง

12.John Draper



มีนามแฝงว่า Cap"n Crunch เขาเป็นผู้ริเริ่มในการใช้หลอดพลาสติกที่อยู่ในกล่องซีเรียลมาทำให้โทรศัพท์ได้โดยไม่ต้องเสียเงิน ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้รับการขนานนามว่า "เจ้าพ่อการแคร็กโทรศัพท์" หรือที่เรียกกกันว่า "phreaking" ตอนที่ยังเป็นวัยรุ่นเขาพยายามทำให้โทรศัพท์คืนเหรียญมาทุกครั้งที่หยอดลงไป เครื่องมือที่เขาชอบใช้คือ whistle (เครื่องเป่า) จากกล่อง Cap"n Crunch cereal โดย whistle ดังกล่าวจะให้กำเนิดคลื่นเสียงขนาด 2600 hertz ซึ่งเพียงพอจะสามารถโทรศัพท์ได้โดยจะต้องใช้ร่วมกับ bluebox (กล่องสีน้ำเงินจะช่วยให้สามารถโทรศัพท์ฟรีได้)

13.Vladimir Levin


จบการศึกษามาจาก St. Petersbrurg Tekhnologichesky University นักคณิตศาสตร์คนนี้มีประวัติไม่ค่อยดี จากการที่เข้าไปรวมกลุ่มกับ Cracker ชาวรัสเซียเพื่อทำการปล้น Citibank"s computers ได้เงินมา $10ล้าน ในที่สุดก็ถูกจับโดย Interpol ที่ Heathrow Airport ในปี 1995

14.Mark Abene


หรือที่รู้จักกันดีในนามของ Phiber Optik เขามีพรสวรรค์ในการเรียนรู้เกี่ยวกับระบบโทรศัพท์ค่อนข้างมาก มากเสียจนต้องเข้าไปอยู่ในคุกถึง 1 ปี เนื่องจากพยายามจะส่งข้อความให้เพื่อน Cracker ด้วยกัน แต่ข้อความนั้นโดนจับได้เสียก่อน เด็กคนนี้เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าวัยรุ่นมากเนื่องจากฉลาดและบุคลิกดี นิตยสาร New York และแมนฮัตตันคลับถึงกับจัดเขาให้เป็น 1 ใน 100 ของบุคคลที่ฉลาดที่สุดในเมือง เขาเป็นคนที่ชอบรับประทานมันฝรั่งบด (mashed potatoes) จากร้าน KFC เป็นที่สุด

15.Justin Tanner Peterson



รู้จักกันในนาม Agent Steal, Peterson อาจเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงอย่างมาก ในเรื่องการ crack บัตรเครดิต ดูเหมือน Peterson จะถูกชักจูงด้วยเงินแทนที่จะเป็นความอยากรู้อยากเห็น เพราะการขาดคุณธรรมประจำใจของเขาเองที่นำหายนะมาสู่เขาและผู้อื่น อย่างเช่น ครั้งหนึ่ง เมื่อเขาโดนจับ เขากลับทิ้งเพื่อนของเขา รวมทั้ง Kevin Poulsen เพื่อเจรจาต่อรองกับ FBI เพื่อที่จะเปิดโปง ทำให้เขาได้รับการปล่อยตัว ต่อมาภายหลังได้หนีไป และก่ออาชญากรรมเช่นเดิม

16. Gary McKinnon



ผลงาน-แฮ็กเข้าไปในระบบของ US Government ทั้ง U.S. Department of Defense,กลาโหม,นาวิกโยธิน และ นาซ่า เพื่อที่จะหาหลักฐานเกี่ยวกับ ประสิทธิภาพที่แท้จริงของเชื้อเพลิงในยานมนุษย์ต่างดาว!!!!
สิ่งที่น่าสนใจ-แม็คคินนอนเชื่อว่าสหรัฐอเมริกาได้ซ่อนความลับเกี่ยวกับเทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาวไว้ ซึ่งเทคโนโลยีนั้นสามารถช่วยแก้ปัญหาวิกฤตพลังงานของโลกได้ .เขาบอกว่าได้ทะลุทะลวงไปจนพบโครงการที่นำ เทคโนโลยีจากมนุษย์ต่างดาวมาใช้จริง อีกทั้งเขายังพบข้อมูลนักวิทยาศาสตร์รายหนึ่งของนาซาที่รายงานว่าศูนย์อวกาศ จอห์นสัน มีอุปกรณ์บันทึกภาพถ่ายดาวเทียมความละเอียดสูง เอาไว้คอยจับภาพยูเอฟโอหลังจากพบร่องรอยบนท้องฟ้า ซึ่งแม็คคินนอนก็จัดการล้วงข้อมูลเป็นที่เรียบร้อย แม็คคินนอนอ้างว่า สิ่งที่เค้าเห็นน่าจะเป็นดาวเทียมหรือไม่ก็ยาน อวกาศ แต่ลักษณะแบบนั้นไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนมันเหมือนกับชิ้นเหล็กท่อนใหญ่ที่ ไม่มีตำหนิใดๆ เลย และน่าจะอยู่ใต้ผืนโลก อีกทั้งไม่มีรอยต่อของวัตถุหรือหมุดยึดตัววัตถุแต่อย่างใด
นอกจากนี้เค้ายังได้พูดอีกว่า  การแฮกกิงของเขานั้นทำไปตามหลัก มนุษยธรรม เพื่อต้องการหาหลักฐานเกี่ยวกับยูเอฟโอที่ถูกปกปิดไว้  และนำมาเผยแพร่สู่สาธารณชน

17. Raphael Gray



ผลงาน-เจาะเข้าไปใน เว็บไซต์ e-commerce ต่างๆแล้วขโมยข้อมูลหมายเลขบัตรเครดิตของลูกค้ามากว่า 26,000 หมายเลข แล้วโพสต์ขึ้นบนเว็บเพจของตนเอง
สิ่งที่น่าสนใจ-เกรย์เรียกตัวเองว่า The saint(of e-commerce) เขาอ้างว่าการที่แฮ็กเข้าไปในเว็บไซต์เหล่นั้นก็เพื่อที่จะให้การช่วยเหลือเว็บต่างๆเหล่านั้น(ช่วยยังไงมิทราบยะ)  และนอกจากนี้หนึ่งในหมายเลขบัตรเครดิตที่เขาขโมยมาก็เป็นของคนดังในโลกของไอที ที่มีชื่อว่า บิล เกตต์ และเกรย์ก็ได้จัดการส่งยาเม็ดไวอากร้า(!?!) ไปยังที่อยู่ของบิล เกตต์และนำมาโพสต์ลงบนเว็บไซต์อีกต่างหาก (แสบจริงๆ)

18. Kevin Poulsen



Kevin Poulsen –ชื่อในวงการคือ  Dark Dante
ผลงาน-บุกรุกเข้าเว็บไซต์แทบทุกประเภท ที่เด่นๆก็คือ เจาะระบบฐานข้อมูลและระบบดักฟังของของ FBI
สิ่งที่น่าสนใจ-เค้าเคยใช้ความสามารถพิเศษในการควบคุมระบบโทรศัพท์ของ Pacific Bellได้ เจาะเข้าไปในระบบโทรศัพท์ของสถานีวิทยุ KIIS-FM ใน LA ทำให้เค้าชนะการเล่นเกมส์และได้รางวัลมาเป็นรถ Porche!!! เอามาขับเล่นสบายใจพี่เค้าไป
ปัจจุบัน-เป็น นักข่าวอาวุโสของสำนักข่าว Wired Newsและคอยช่วยเหลือในการไล่จับพวก BlackHat คนอื่นๆ

19. The Deceptive Duo


ผลงาน-เจาะระบบของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ซึ่งรวมถึง นาวิกโยธิน,นาซา,FAA(ทบวงการบินพลเรือน)และ กระทรวงกลาโหม โดยพวกเค้าให้เหตุผลว่าที่ทำไปก็เพื่อเปิดเผยความล้มเหลวของระบบรักษาความปลอดภัย และต้องการปกป้องประเทศจากสงครามภายหลังเหตุการณ์ 911
นี่คือ 10  Hacker ระดับโลกที่ใช้ความรู้ของตนเองในการก่อความเสียหายให้กับระบบคอมพิวเตอร์ (แม้ว่าบางทีอาจจะเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ?) แต่ก็ยังมี hacker อีกประเภทนึงที่ใช้ความรู้ในทางที่เป็นประโยชน์ ที่เราเรียกหันว่า พวก White hat ดังตัวอย่างต่อไปนี้

20.Dmitri Galushkevich

ผลงาน-เป็นhacker ชาวรัสเซียที่อาศัยอยู่ในเอสโทเนีย เค้ารู้สึกผิดหวังจากการที่อนุสาวรีย์บรอนซ์ของทหารรัสเซียที่เสียชีวิตในเอสโทเนียในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองถูกย้ายที่ เลยทำhack เข้าไปโจมตีระบบของ รัฐบาล,พรรคการเมืองต่างๆ,หนังสือพิมพ์ และสถาบันเศรษฐกิจ ทำให้ทั้งประเทศตกอยู่ในสภาพ “internet gridlock”–คือทั้ง ATM,เว็บไซต์ และระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลอยู่ในสภาพที่ใช้การไม่ได้ แถมบางเว็บก็รีไดเร็คไปยังภาพของทหารโซเวียต และอ้างอิงถึง Martin Luther King เกี่ยวกับการ “ต่อต้านสิ่งชั่วร้าย”อีกต่างหาก
 แหล่งที่มา :